กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง

สิทธิใหม่กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง โปรแกรม GENiUS PR อัพเดทเป็นเวอร์ชัน 20

ติดต่อขออัพเดทได้ที่ที่ปรึกษาทั่วประเทศ

กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างคืออะไร?

กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายแรงงาน เพื่อช่วยเหลือลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง ลาออก หรือเสียชีวิต ในกรณีที่นายจ้างไม่จ่ายค่าชดเชยหรือสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย โดยอยู่ภายใต้การดูแลของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และมีคณะกรรมการบริหารกองทุนเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงิน ทั้งนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป

สาระสำคัญกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง

กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างกำหนดให้นายจ้างและลูกจ้างต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนร่วมกัน โดยเริ่มเก็บในอัตรา 0.25% ของค่าจ้าง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ถึง 30 กันยายน 2573 และจะปรับเพิ่มเป็น 0.5% ของค่าจ้าง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2573 เป็นต้นไป โดยสาระสำคัญของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างมี ดังนี้

เงื่อนไขกิจการที่ต้องเข้ามาเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง

  • กิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป
  • กิจการที่ไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือไม่มีกองทุนสงเคราะห์ในบริษัทให้แก่ลูกจ้างที่ออกจากงานหรือเสียชีวิต
  • หากกิจการมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แต่มีลูกจ้างที่ยังไม่ผ่านทดลองงาน หรือไม่สมัครเข้ากองทุนนั้น นายจ้างต้องจัดให้ ลูกจ้างกลุ่มนี้เข้าเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง


ข้อยกเว้นที่ไม่อยู่ในบังคับให้ลูกจ้างต้องเข้าเป็นสมาชิกกองทุน

  • นายจ้างที่มีลูกจ้างน้อยกว่า 10 คน
  • นายจ้างที่จัดให้มีการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างตามกฎกระทรวง
  • นายจ้างที่จัดให้ลูกจ้างเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • กิจการบางประเภทที่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย เช่น มูลนิธิ สมาคม เป็นต้น


หน้าที่ของนายจ้างและลูกจ้าง

  • นายจ้าง : ต้องยื่นแบบฟอร์มแสดงรายชื่อลูกจ้างและรายละเอียดต่าง ๆ (แบบ สกล.3 หรือ สกล.3/1) และหากมีการเปลี่ยนแปลงต้องแจ้งโดยใช้แบบ สกล.3/2 ทั้งนี้หากนายจ้างได้ยื่นข้อมูลตามกฎหมายประกันสังคมแล้ว จะถือว่าได้ยื่นแบบ สกล. แล้วโดยไม่ต้องยื่นซ้ำ ในด้านการเงิน นายจ้างต้องหักค่าจ้างของลูกจ้างในอัตรา 0.25% เพื่อส่งเป็นเงินสะสมเข้ากองทุน และต้องสมทบเงินในอัตราเท่ากันอีก 0.25% ของค่าจ้าง รวมเป็น 0.5% ที่ส่งเข้ากองทุนในแต่ละเดือน
  • ลูกจ้าง : ต้องเข้าเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง โดยจะต้องจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนในอัตราร้อยละ 0.25 ของค่าจ้าง ซึ่งนายจ้างจะเป็นผู้ทำหน้าที่หักเงินจำนวนนี้จากค่าจ้างของลูกจ้าง และนำส่งเข้ากองทุนตามระยะเวลาที่กำหนด



ประโยชน์ของกองทุน

  • ต่อลูกจ้าง ช่วยยกระดับมาตรฐานคุ้มครอง, ส่งเสริมการออม, สร้างขวัญกำลังใจ, บรรเทาความเดือดร้อน
  • ต่อนายจ้าง สร้างภาพลักษณ์ที่ดี, สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในองค์กร, จูงใจลูกจ้างให้อยู่กับบริษัทนานขึ้น



วันที่มีผลบังคับใช้

  • เริ่มใช้วันที่ 1 ตุลาคม 2568
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy